ทฤษฎีต้นทุนธุรกรรม (Transaction cost Theory)

ค่าใช้จ่ายหลักๆอันเนื่องมาจากการทำธุรกรรม (Transaction) เช่น การค้นหาข้อมูล(customers, suppliers, products) การติดต่อสื่อสาร หรือการนำข้อมูลมาเปรียบเทียบเพื่อตัดสิน
ใจ โดยในอดีต ทั้งนี้องค์กรขนาดเล็กมักจะเสียเปรียบในเรื่องการเข้าถึงข้อมูลเนื่องจากมีจำนวนพนักงานน้อย หากต้องการพัฒนาศักยภาพการเข้าถึงข้อมูล จำเป็นต้องขยายขนาดขององค์กร แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีจาก internet ทำให้องค์กรขนาดเล็กมีศักยภาพการเข้าถึงข้อมูลมากขึ้นโดยไม่มีความจำเป็นต้องขยายขนาดองค์กร และสามารถลด Transaction Cost ได้
ใจ โดยในอดีต ทั้งนี้องค์กรขนาดเล็กมักจะเสียเปรียบในเรื่องการเข้าถึงข้อมูลเนื่องจากมีจำนวนพนักงานน้อย หากต้องการพัฒนาศักยภาพการเข้าถึงข้อมูล จำเป็นต้องขยายขนาดขององค์กร แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีจาก internet ทำให้องค์กรขนาดเล็กมีศักยภาพการเข้าถึงข้อมูลมากขึ้นโดยไม่มีความจำเป็นต้องขยายขนาดองค์กร และสามารถลด Transaction Cost ได้
บทความ
ทฤษฎีต้นทุนธุรกรรม
“เวลาเป็นเงินเป็นทอง”
คำว่า Transaction Cost เป็นศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์, เป็นส่วนหนึ่งของ Theory of the Firm
โดยRonald Coase พูดถึงต้นทุนที่เกิดจากการติดต่อระหว่างคนสองคน
(อาจเป็นคนซื้อ-คนขาย, หรือภายในติดต่อกันเอง)
โดยRonald Coase พูดถึงต้นทุนที่เกิดจากการติดต่อระหว่างคนสองคน
(อาจเป็นคนซื้อ-คนขาย, หรือภายในติดต่อกันเอง)
ต้นทุนที่ว่าเกิดจากกิจกรรมใดๆก็ตามที่ “กินเวลา” เช่น…ตัวอย่าง Transaction Cost ของ
ฝ่ายจัดซื้อกรณีที่หา Supplier เสื้อโปโล
ฝ่ายจัดซื้อกรณีที่หา Supplier เสื้อโปโล
- ต้นทุนจากขั้นตอนการหา (ใช้เวลากี่วัน???)
- ต้นทุนจากขั้นตอนการเจรจาแต่ละเจ้า
- ต้นทุนจากการประมวลผลราคา
- ต้นทุนจากการทำของตัวอย่าง..เช่น เลือกแบบ, เลือกผ้า, เลือกสี, ฯลฯ
- ต้นทุนจากการติดต่อตามงาน..เช่น ส่งวันไหน? มากี่โมง?
- ต้นทุนที่เกิดจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า..เช่น ของมาไม่ครบ, ชำรุดเสียหาย, ฯลฯ
- ฯลฯ
กลับมามองที่ Supplier …เจ้าไหนที่เข้าใจ, และลดต้นทุนที่ว่าทั้งหมดได้มากที่สุด…จะมีโอกาสอยู่รอดในธุรกิจมากที่สุด เช่น
โรงงานเย็บเสื้อ ก, อ่านบทความนี้ปุ้ปกลับไปคิดหาวิธีทำงานมาใหม่เพื่อลดต้นทุนส่วนนี้ให้ลูกค้าโดยเฉพาะ…
โรงงานเย็บเสื้อ ก, อ่านบทความนี้ปุ้ปกลับไปคิดหาวิธีทำงานมาใหม่เพื่อลดต้นทุนส่วนนี้ให้ลูกค้าโดยเฉพาะ…
- ทำเวป..ลดเวลาในการค้นหา
- คิดโครงสร้างราคาสำเร็จรูป…ลดเวลาในการรอราคา
- ตั้งทีมทำสินค้าตัวอย่าง..ไม่ต้องรอแทรกช่างในสายงานผลิต..ลดเวลาในการรอของตัวอย่าง/แก้ไข
- กำหนดวันส่งที่แน่นอน..แจ้งให้ทราบล่วงหน้าโดยไม่ต้องรอให้ถาม
- ควบคุมคุณภาพเพื่อให้เกิดของเสียน้อยที่สุด
ทฤษฎีตัวแทน (Agency Theory)

ทฤษฎีตัวแทนมองว่า มนุษย์ทุกคนในองค์กรย่อมมีแรงผลักดันที่จะทำเพื่อผลประโยชน์
ส่วนตัวด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นผู้บริหารหรือฝ่ายจัดการจะพยายามหาหนทางสร้างมูลค่าสูงสุดให้
กับกิจการก็ต่อเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าหนทางนั้นเอื้ออำนวยประโยชน์ให้กับตนเองด้วย สมมติฐาน
ที่อยู่เบื้องหลังทฤษฎีการเป็นตัวแทนก็คือ ผู้เป็นเจ้าของกิจการหรือผู้ถือหุ้นกับผู้บริหารหรือ
ฝ่ายจัดการต่างมีความขัดแย้งทางด้านผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน โดยที่ผู้บริหารหรือฝ่ายจัดการ
จะสร้างอรรถประโยชน์สูงสุดให้กับตัวเองโดยไม่คำนึงถึงว่าการกระทำเช่นนั้นจะก่อให้เกิด
ประโยชน์หรือความมั่งคั่งสูงสุดแก่ตัวผู้เป็นเจ้าของกิจการหรือไม่
ความสัมพันธ์ในทางธุรกิจเป็นความสัมพันธ์ที่เกิดจากความยินยอมพร้อมใจระหว่างบุคคล
สองฝ่าย โดยที่บุคคลฝ่ายหนึ่งคือ ตัวแทน (Agent) ตกลงที่จะทำการในฐานะที่เป็นตัวแทนให้กับ
อีกฝ่ายหนึ่งที่เรียกว่า ตัวการ (Principal) โดยที่แต่ละฝ่ายย่อมมีแรงจูงใจที่จะตัดสินใจที่จะก่อให้เกิด
ผลประโยชน์ส่วนตัว ความขัดแย้งกันในผลประโยชน์อาจเกิดขึ้นเมื่อแต่ละฝ่ายดำเนินการเพื่อ
แสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองกล่าวคือ ผู้ถือหุ้นเป็นผู้มอบหมายให้ผู้บริหารดำเนินการแทนตน
การที่ผู้ถือหุ้นไม่สามารถล่วงรู้ข้อมูลการตัดสินใจของผู้บริหารย่อมทำให้เกิดต้นทุนจาก
การมอบอำนาจดำเนินการขึ้น (Agency Costs) ซึ่งประกอบด้วยต้นทุนในการตรวจสอบ
ผลการปฏิบัติงานของผู้บริหาร และต้นทุนในการจูงใจให้ผู้บริหารตัดสินใจดำเนินการที่ไม่
ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ถือหุ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น